Sunday, July 10, 2016

รวบหนุ่มหน้าตาดี ขืนใจ ด.ญ.14 นักเรียน ม.3 หลังหนีคดีมา แต่เมื่อรู้ว่าลูกใคร อึ้งกันเป็นแถบๆ

เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 7 ก.ค. พ.ต.ท.สิทธิพร ธารากุลทิพย์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองอุดรธานี พร้อมด้วยพ.ต.ท.กฤถขจร พลบูรณ์ สว.สืบสวน กก.3บก.ทล. พ.ต.ต.อาทิตย์ จันทา สว.สส.ฯ ,พ.ต.ต.ฉลาม ภูเมืองขวา สว.สส.ฯ ร.ต.อ.พิศุทธิ์ธรรม ศรีบูจันดี รอง สว.สส.ฯ ร.ต.อ.พิชิต อุ่นสมัย รอง สส.สส.สภ.บ้านดุง ร.ต.ต.สมพร จันทร์ลอย ร.ต.อนุรัตน์ ศรีบุตร ร.ต.ต.อิติพร เห็นทั่ว และกำลังชุดสืบสวนได้ร่วมกันจับกุมตัวนายไชยธร ซาตา อายุ 27 ปี ชาว จ.อุดรธานี ลูก ผอ.ร.ร. ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดอุดรธานี ที่ จ.472/2551 ลงวันที่ 25 ก.ย.51 ข้อหา “กระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบห้าปี ซึ่งมิใช่ภรรยาของตน โดยเด็กหญิงนั้นยินยอมหรือไม่ก็ตาม, พาเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไป เพื่อการอนาจารและปราศจากเหตุอันควร พรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา” จับกุมตัวไว้ได้ขณะเดินอยู่ริมถนนสาธารณะหน้าตลาดสดเทศบาลเมืองบ้านดุง (ตลาดไชยยศ) ต.ศรีสุทโธ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากกรณี เมื่อเดือนก.ย.51 ที่ผ่านมา มีน.ส.แดง (นามสมมติ) เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ว่า ด.ญ.บี (นามสมมติ) อายุ 14 ปี นักเรียนชั้นม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนครอุดรธานี ถูกนายไชยธร ซาตา ล่อลวงพาไปเพื่อการอนาจารและข่มขืนกระทำชำเรา เหตุเกิดที่เขตเทศบาลนครอุดรธานี ต่อเนื่องถึงอ.บ้านดุง และต่อมานายไชยธร ซาตา หลบหนีไปกระทั่งมีการออกหมายจับดังกล่าว

นายไชยธร ให้การรับสารภาพว่า ตนเป็นลูกชายของ ผอ.โรงเรียนมีชื่อแห่งหนึ่งในจ.อุดรธานี ช่วงเกิดเหตุตนกำลังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี และได้รู้จักกับ ด.ญ.บี กำลังเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ต่อมาแอบลักลอบได้เสียกันจนผู้ปกครองฝ่ายหญิงรู้เรื่องจึงถูกแจ้งความดำเนินคดี ในช่วงที่กำลังเจรจาต่อรองไกล่เกลี่ยยอมความกันนั้น ผู้ปกครองฝ่ายหญิงเรียกเงินจากตนเป็นจำนวน 2 แสนบาท และลดลงมาเหลือ 1.5 แสน แต่ฝ่ายตนก็ยืนยันว่าจะจ่ายเงินเพียง 7 หมื่นบาทเท่านั้น และไม่สามารถตกลงกันได้ จนกระทั่งตนถูกออกหมายจับดังกล่าว โดยหลบหนีไปทำงานเป็นช่างแอร์ และขายรถยนต์มือสอง กระทั่งกลับมาบ้านก็เลยถูกจับดังกล่าว

จากนั้น จึงคุมตัวผู้ต้องหาส่งมอบให้ พ.ต.ต.นันทพล เชื้อพรมมา พนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ดำเนินคดีในข้อหา “กระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบห้าปี ซึ่งมิใช่ภรรยาของตน โดยเด็กหญิงนั้นยินยอมหรือไม่ก็ตาม พาเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจารและปราศจากเหตุอันควร พรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา”
cr:http://www.siamupdate.com/news-183631

หาไม่ได้แล้ว !! หลังจากเผา ครูอิ๋ว ไม่นาน ล่าสุดแฟนหนุ่มออกมาสาบานแบบนี้ ทำเอาน้ำตาไหลตามๆกัน !??

//
จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญทั้งประเทศ กรณีฆ่าปาดคอครู ครูอิ๋ว จบไปเเล้วนั้นก็ได้มีสิ่งที่ทำให้คนต้องชะงัก เมื่อเเฟนสาวของเธอ ร.ต.ต.ธเนตร ได้กล่าวว่า “การสูญเสียครูอิ๋วทำใจยากที่จะลืม จะตั้งใจดูแลครอบครัวแทนครูอิ๋ว และที่สำคัญจะมุ่งมั่นทำความดี และทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ครูอิ๋วอย่างสม่ำเสมอ หากชาติหน้ามีจริงจะเป็นคู่ชีวิตกับครูอิ๋วเพียงคนเดียว”

//
cr:http://www.siamupdate.com/news-183668

ช็อกหนัก!! ตาวัย 57 อ้างชอบคอกับหลานวัย 11 ปี แม่แทบล้ม ตาเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง !???

น้องชายยายอายุ 57 ลวงเด็กหญิงวัย 11 ปี ออกจากบ้าน ยอมรับมีเพศสัมพันธ์ อ้างรักกันแต่ถูกพ่อแม่เด็กขัดขวาง

(9 ก.ค.) เมื่อเวลา 19.00 น. พ.ต.ท.ธานินทร์ ผิวละเอียด รอง ผกก.สส.สภ.อุทัย พ.ต.ท.มานพ ชาวไร่ สว.สส.สภ.อุทัย รต.ท.ปิยะ หัทยา พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้นำตัว นายอนันต์ อายุ 57 ปี พร้อมด้วย เด็กหญิงแพร (นามสมมุติ) อายุ 11 ปี มาทำการการสอบสวน หลังจากที่ นางขนิษฐา (สงวนนามสกุล) ได้มาแจ้งความว่าลูกสาวตนได้หายไปพร้อมกับนายอนันต์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นตา ตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 ก.ค. ที่ผ่านมา

โดยหลังรับแจ้งแล้วตำรวจได้ติดตามตัวนายอนันต์ จนไปพบที่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่อคืนวันที่ 8 ก.ค. พร้อมกับ ด.ญ.แพร จึงนำตัวกลับมาทำการสอบสวน นายอนันต์ ยอมรับสารภาพว่า รักใคร่ชอบคอกับ ด.ญ.แพร ซึ่งเป็นหลานของพี่สาว โดยก่อนหน้านี้นายอนันต์ ทำงานรับ จ้างก่อสร้างอยู่ที่ กทม. แล้วกลับมาอยู่กับพี่สาวซึ่งเป็นยายของ ด.ญ.แพร จากนั้นก็เกิดสนิทสนม จนพ่อแม่ของเด็กและยายเห็นว่าไม่เหมาะสม จึงสั่งห้าม ด.ญ.แพร ใกล้ชิดกับนายอนันต์




จนกระทั่งเมื่อวันที่ 3 ก.ค. นายอนันต์ ออกอุบายว่าจะไปทำงานที่ จ.เชียงใหม่ โดยชักชวนให้ ด.ญ.แพร ไปเที่ยวด้วย จากนั้นก็ว่าจ้างจยย.รับจ้างไปส่งที่ถนนสายเอเชีย แล้วนั่งรถประจำทางต่อไปยัง จ.เชียงใหม่ จากนั้นก็ไปเช่าห้องที่ตัวเมืองหวังจะหางานทำ โดยยอมรับว่ามีเพศสัมพันธ์กับหลานสาวตั้งแต่คืนวันที่ 4 ก.ค. จนถึงวันที่ 8 ก.ค. ก่อนที่ตำรวจจะมาตามเจอ

ตำรวจตั้งข้อหาความผิดฐานกระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 15 ปีไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และพรากผู้เยาว์ เพื่อดำเนินคดีต่อไป
cr:http://www.siamupdate.com/news-183670

Saturday, July 9, 2016

ดูไว้นะ! ถ้าคุณ "วางเตียงนอน" แบบนี้ มันอาจจะทำให้นอนป่วย ปวดหัว ได้ไม่รู้ตัว!!


วันนี้ทีมงาน สยามอัพเดท ได้มีแฟนเพจเข้ามาปรึกษาว่า ทำไมนอนตื่นมาถึงปวดหัว นอนหลับไม่สนิท หนักหัว  มีแต่เรื่องโชคร้าย
เมื่อได้สอบถามข้อมูลแล้ว อาจจะเป็นได้ว่า ตำแหน่งเตียงนอน ผิดหลักฮวงจุ้ย ทำให้เกิดเรื่องร้ายๆเข้ามาในชีวิตเรา


ตำแหน่งเตียงภายในห้องนอน นับได้ว่าเป็นแกนหลักสำคัญของห้องนอน หากตั้งไม่ตรงตำแหน่งที่เหมาะสม อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ เนื่องจากร่างกายของคนเราจะมีสนามพลังที่เกิดจากการไหลเวียนภายในร่างกาย หากอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ณ ขณะที่กำลังนอนหลับสนามพลังดังกล่าวก็จะหมุนเวียนได้คล่องตัว สมดุลกับสนามแม่เหล็กของโลก โดยตำแหน่งที่เหมาะสม ตามหลักฮวงจุ้ยจีน มีดังต่อไปนี้

1. หลีกเลี่ยงการตั้งเตียงให้ตรงกับประตู เพราะทำให้คนภายนอกเห็นได้ง่าย อาจรบกวนความเป็นส่วนตัว จึงส่งผลต่อการพักผ่อน อีกทั้ง ประตู ยังเป็นทางผ่านของพลังลมด้วย เมื่อเตียงอยู่ตรงกับทางผ่านลม ร่างกายก็ย่อมได้รับผลกระทบไปเต็มๆ จึงไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยเป็นอย่างยิ่ง

2. หลีกเลี่ยงการตั้งหัวเตียงอยู่ใกล้ประตู เพราะหากบังเอิญมีคนเดินผ่าน หรือเปิดประตูเข้ามา อาจทำให้การผักผ่อนของคุณเป็นไปอย่างสะดุด พักผ่อนไม่เต็มที่ เพราะอาจตกใจตื่นได้โดยง่าย

3. ควรวางเตียงในแนวทิศเหนือใต้ ตามหลักวิทยาศาสตร์นั้น การวางเตียงในแนวเหนือใต้เป็นการคล้อยตามแรงโน้มถ่วงของโลก ทำให้เลือดหมุนเวียนสอดคล้องกับแรงโน้มถ่วง ส่งผลให้ผู้อาศัย นอนหลับได้ง่าย หลับอย่างสบาย และแน่นอนว่าส่งผลดีต่อสุขภาพอีกด้วย

4. หลีกเลี่ยงการวางเตียงไว้ใต้คาน ตามตำราฮวงจุ้ยจีนโบราณ กล่าวว่า การวางเตียงที่นอนไว้ใต้คาน ทำให้เกิดความกดดัน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยเฉพาะบริเวณศรีษะ อาจส่งผลให้เกิดอาการปวดหัวเหมือนมีอะไรมากดทับ อาจส่งผลให้ล้มป่วยได้ง่าย

5. หลีกเลี่ยงการนำอุปกรณ์แขวน มาไว้บนหัวเตียง อุปกรณ์ประเภทแขวน อย่างเช่น โคมไฟ พัดลม กรอบรูป แอร์ หรืออื่นๆ ไม่ควรนำมาไว้บนหัวเตียง เนี่ยงจากทำให้เกิดแรงกดดันเช่นเดียวกับการไว้เตียงไว้ใต้คาน ส่งผลให้ผู้นอน ล้มป่วยได้ง่าย สุขภาพไม่ดี นอนหลับไม่สนิท

6. หลีกเลี่ยงการวางกระจกไว้หน้าเตียง อาจทำให้ผู้นอนเกิดภาวะจิตใจหดหู่ได้ อ่อนแอ และนอนหลับไม่สนิท

7. หลีกเลี่ยงการวางเตียงตรงกับประตูห้องน้ำ หากประตูห้องนอนอยู่ตรงกับเตียง ทำให้ความชื้นส่งผลกระทบเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย เมื่อร่างกายสัมผัสความชื้น ก่อให้เกิดการเจ็บป่วย ไม่สบาย ทำให้สุขภาพไม่แข็งแรง อีกทั้ง หากมีการเข้าออกห้องน้ำ อาจทำให้ผู้นอน เกิดการนอนหลับไม่สนิทได้เช่นกัน

8. หลีกเลี่ยงการปล่อยหัวเตียงให้โล่ง หัวเตียงเปรียบเสมือนความมั่นคง ตามหลัก ฮวงจุ้ยจีนโบราณ กล่าวว่า การหันหัวเตียงให้ชนกับผนัง เป็นการสร้างความมั่นคง แต่หากหัวเตียงโล่ง อาจทำให้ผู้อาศัย เกิดความไม่มั่นคงได้ และหากหันหัวเตียงอยู่ชิดติดเสา จะเท่ากับว่า เตียงชิดผนังแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ก็ยังไม่เป็นตำแหน่งที่ดีตามหลัก ฮวงจุ้ย เช่นกัน

9. หลีกเลี่ยงการวางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ปลายเตียง เพราะถือว่า เป็นการแสดงความไม่เคารพต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อย่างร้ายแรง ดูไม่เป็นมงคล

10. หลีกเลี่ยงการจัดวางเตียงไว้ใต้บันได ตามหลักฮวงจุ้ย ถือว่า การวางเตียงไว้ใต้บันได ไม่ต่างอะไรกับการไว้ไว้ใต้คาน ส่งผลกระทบเช่นเดียวกับการไว้ใต้คาน อีกทั้ง ยังส่งผลการรบกวน เมื่อมีผู้อื่นเดินผ่านบันได อาจส่งผลให้ผู้นอนอาศัย พักผ่อนอย่างไม่สนิท รวมถึงอาจก่อให้เกิดฝุ่นละอองล่วงหล่นกระจายลงสู่เตียง ทำให้ผู้อยู่อาศัย สุขภาพไม่แข็งแรง เกิดอาการภูมิแพ้ได้โดยง่าย

สรุป การวางตำแหน่งเตียงนอน ให้ถูกต้องตามหลัก ฮวงจุ้ย จีนโบราณนั้น ให้ความสำคัญกับสุขภาพร่างกายของผู้อยู่อาศัยเป็นหลัก หากวางในตำแหน่งที่ถูกต้อง ก็จะส่งผลให้ผู้อยู่อาศัย มีสุขภาพกาย และใจ ที่แข็งแรงสมบูรณ์ ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ การพักผ่อนที่ดี ย่อมส่งผลต่อสภาพชีวิตที่ดี หากเราสังเกตุกันโดยง่าย วันใดก็ตาม ที่มีการพักผ่อนอย่างเต็มที่ นอนหลับสนิท ตื่นมาวันรุ่งขึ้นเราจะมีสุขภาพจิตที่ดี พร้อมที่จะลุยกับทุกๆสถานการณ์ จะดีแค่ไหน หากเป็นเช่นนั้น ทุกๆ วัน วันนี้ ขอจบ บทความ ฮวงจุ้ย กับตำแหน่งของเตียงนอน ไว้เพียงเท่านี้ 
cr:http://www.siamupdate.com/news-177356

หลังจากเผา "ครูอิ๋ว" ขึ้นสวรรค์ นี่คือคำพูดของลูกผู้ชายชื่อ "รตต.ธเนตร" ฟังแล้วแทบน้ำตาไหล

จากกรณี น.ส.จุฬารัตน์ โทวรรณา หรือ ครูอิ๋ว อายุ 26 ปี ครูโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ใน อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ซึ่งถูกคนร้ายบุกฆาตรกรรมในหอพัก คืนวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา กระทั่งติดตามจับตัวคนร้ายไว้ได้แล้ว ต่อมาญาติได้ทำพิธีเผาศพที่เมรุชั่วคราวแบบโบราณที่วัดบ้านบุ่งค้า หมู่ 3 ต.พระธาตุ อ.เชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด วานนี้ (6 ก.ค.) โดยมีนายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ผวจ.ร้อยเอ็ด เป็นประธานในพิธี ท่ามกลางญาติพี่น้อง ครู อาจารย์ คนใกล้ชิด ข้าราชการ อปท.ทั้งในและต่างจังหวัดแห่ร่วมงานนับพันคน

วันนี้ (7 ก.ค.) เวลา 07.00 น. นายสนิท นางจันทร์ศรี โทวรรณา บิดามารดาครูอิ๋ว พร้อมด้วยร.ต.ต.ธเนตร แก้วหาญ แฟนหนุ่ม และญาติมิตร ได้ทำอาหารคาวหวาน ทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ที่วัดบ้านบุ่งค้า และกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ครูอิ๋ว และแจกหนังสือสวดมนต์ให้กับผู้ร่วมทำบุญ รวมทั้งมีการบอกกล่าวดวงวิญญาณครูอิ๋วให้มารับผลบุญ ก่อนทั้งหมดจะเดินไปยืนนิ่งอาลัยอยู่หน้ากองฟอนที่เหลือแต่เถ้าถ่าน



นางจันทร์ศรี กล่าวว่า หลังพิธีการเผาศพเสร็จเมื่อวาน รู้สึกสบายใจขึ้นระดับหนึ่งเพราะเห็นญาติมิตรและประชาชนมาร่วมไว้อาลัย ให้การช่วยเหลืองาน และมอบเงินหลายต่อหลายคณะ ทำให้เมื่อคืนตนเองนอนหลับสนิท เพราะไม่มีเรื่องวิตกกังวลใดๆ

ส่วน ร.ต.ต.ธเนตร กล่าวว่า การสูญเสียครูอิ๋วครั้งนี้ยากที่จะลืมเลือน ขอตั้งใจดูแลครอบครัวแทนครูอิ๋วร่วมกับญาติอีกแรง ที่สำคัญจะมุ่งมั่นทำความดี และทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ครูอิ๋วอย่างสม่ำเสมอ แม้ชีวิตเราจะจากกัน แต่ใจเรายังอยู่ด้วยกัน หากชาติหน้ามีจริงตนเองต้องการเป็นคู่ชีวิตกับครูอิ๋วเพียงคนเดียว

สำหรับการเก็บอัฐินั้น นายสนิท ระบุว่า ตอนแรกจะมีการเก็บอัฐิในวันรุ่งขึ้น แต่เนื่องจากผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านบอกว่าควรให้เวลาผ่านไปสักสามวันก่อน โดยเช้าวันเสาร์จึงจะมีการเก็บอัฐิ และทำบุญตักบาตร ซึ่งอัฐิส่วนหนึ่งจะเก็บใส่ไว้ในโกศ อีกส่วนหนึ่งจะนำไปลอยอังคารต่อไป.
cr:http://www.siamupdate.com/news-183629

แชร์ด่วน !! ใครกิน พาราเซตามอล บ่อยๆ หมอต้องออกมาเตือนถ้ากินมากไป จะกลายเป็นแบบนี้ ระวังให้มาก !??


ใครยังทานยาพาราเซตามอล ครั้งละ 2 เม็ด อ่านทางนี้! อันตรายจากการใช้ยาพาราเซตามอลเกินขนาดอันตรายถึงชีวิต
คุณเอ อายุ 20 ปี ป่วยเป็นไข้มา 7 วัน ทานยาลดไข้พาราเซตามอลครั้งละ 2 เม็ด ทุก 4 ชั่วโมง ทุกวัน ติดต่อกันมาตลอดทั้ง 7 วัน เมื่อมารับการรักษาที่โรงพยาบาลพบว่า คุณเอมีภาวะตับอักเสบจากการรับประทานยาพาราเซตามอลที่เกินขนาด ติดต่อกันเป็นเวลานาน อันเป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งเราสามารถป้องกันได้จากการทำความเข้าใจเรื่องการใช้ยาพาราเซตามอล ดังนี้ค่ะ



การใช้ยาพาราเซตามอลที่เกินขนาดอาจเกิดอันตรายอย่างไร?

ยา พาราเซตามอลปกติเป็นยาที่มีผลข้างเคียงน้อย หากใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ปัจจุบันเราใช้ยาพาราเซตามอลกันอย่างแพร่หลายทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ บางครั้งรับประทานกันมากเกินขนาด ก็อาจเป็นอันตรายได้ ดังเช่นในข่าวทานพาราเซตามอลทั้งประปุกเพื่อการฆ่าตัวตาย ซึ่งบางรายก็แค่ต้องการเรียกร้องความสนใจ นึกว่ายาพาราเซตามอลเป็นยาสามัญประจำบ้าน ไม่ได้มีอันตรายอะไรมาก แต่จริงๆ แล้วการทานยาพาราเซตามอลที่เกินขนาดสามารถทำให้ตับเสียการทำงานหรือตับวาย ได้ ซึ่งหากได้รับยาต้านพิษไม่ทันเวลาก็จะทำให้เสียชิวิตได้นะคะ



ยาพารากินกี่เม็ด และระยะเวลาการใช้ยาที่เหมาะสมเท่ากับเท่าไร?

ลกรัม ใช้ได้ทุก 4-6 ชั่วโมงเวลามีไข้ แต่วันหนึ่งไม่ควรเกิน 5 ครั้ง และไม่ควรทานติดต่อกันเกิน 3-5 วัน ขนาด ยาพาราเซตามอลที่เหมาะสมสำหรับผู้ใหญ่ มีข้อแนะนำว่า ไม่ควรรับประทานเกิน 4,000 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งยาพาราเซตามอล 1 เม็ด เท่ากับ 500 มิลลิกรัม ดังนั้นใน 1 วัน ไม่ควรทานเกิน 8 เม็ด



ในปัจจุบัน คณะอนุกรรมการส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล ประเทศไทย กำหนดให้แพทย์สั่งจ่ายยาพาราเซตามอลกับผู้ป่วยเพศหญิง จำนวน 1 เม็ด รับประทานมากที่สุดทุก 6 ชั่วโมง ส่วนผู้ป่วยชายให้พิจารณาเป็นกรณีไป เนื่องจากผู้ป่วยชายบางคนที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำอาจมีโรคตับอักเสบจาก แอลกอฮอล์อยู่แล้ว จึงสามารถทานยาได้ในปริมาณที่น้อยกว่า และคณะอนุกรรมการยังให้เขียนกำกับบนฉลากยาด้วยว่า “ห้ามใช้ยาพาราเซตามอลเกินวันละ 8 เม็ด เพราะเป็นพิษต่อตับ”

ดังนั้น ที่เราเคยเห็นข้างขวดยาพาราเซตามอลระบุไว้ว่า รับประทานได้ครั้งละ 2 เม็ด ทุก 4 ถึง 6 ชั่วโมง ก็จัดว่าเป็นการใช้ยาที่มีโอกาสเกินขนาด และเป็นอันตรายต่อตับได้



ข้อควรระวังอื่นๆ ในการใช้ยาพาราเซตามอลคืออะไร?

ควร ระวังการทานยาพาราเซตามอลร่วมกับเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์ ไวน์ เพราะแอลกอฮอล์เองเป็นสารที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าหากได้รับในปริมาณมาก หรือต่อเนื่องกันนานๆ ก็ทำให้เกิดภาวะตับแข็ง ตับวายได้ หากไปดื่มร่วมกับทานพาราเซตามอลยิ่งจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะตับ อักเสบ จนตับวาย ได้เร็วและง่ายดายยิ่งขึ้นยิ่งขึ้น ดังนั้นนักดื่มทั้งหลายระวังกันให้ดีค่ะ



สุดท้ายนี้หมอขอย้ำว่าสมาชิกทุกคนในครอบครัวทั้งเด็กและผู้ใหญ่ไม่ควรทานยาพาราเซตามอลมากกว่าครั้งละ 1 เม็ด และไม่ควรทานติดต่อกันเกิน 5 วัน หากมีอาการไข้ติดต่อกันนานเกินกว่านั้น ควรไปพบคุณหมอเพื่อหาสาเหตุของไข้นะคะ
cr:http://www.siamupdate.com/news-183661


แม่ใจสลายซ้ำ !! รีบไปรับ ครูอิ๋ว ที่ห้องเช่า หลังลูกมาหาแม่ แล้วพูดแบบนี้ !??


พ่อ แม่ และแฟนหนุ่ม “ครูอิ๋ว” ครูสาวเหยื่อฆาตกรรมโหดคาห้องเช่าที่ จ.สระบุรี ย้อนทำพิธีเชิญวิญญาณกลับบ้านอีกรอบ หลังไปเข้าฝัน บอกว่ายังกลับบ้านไม่ได้  มีเจ้าอาวาสวัดบ้านเกิดมาเป็นผู้ทำพิธี พร้อมขนของใช้ส่วนตัวผู้ตายกลับไปด้วย…

เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 8 ก.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.สระบุรี ว่าครอบครัวของ ‘ครูอิ๋ว’ น.ส.จุฬารัตน์ โทวรรณา ครู โรงเรียนแสงวิทยา อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ที่ถูกฆาตกรรม คนร้ายเชือดคอเสียชีวิตภายในห้องพักในเขตเทศบาลเมืองแก่งคอย อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ได้เดินทางมายังห้องเกิดเหตุ เพื่อทำพิธีเชิญดวงวิญญาณครูสาวกลับบ้านอีกครั้ง

ทั้งนี้ ทางครอบครัวผูตาย ได้ทำพิธีมาครั้งหนึ่ง หลังวันที่พบศพ แต่มีเพื่อนของครูอิ๋ว ฝันเห็นว่าผู้ตายยังไม่ได้กลับบ้าน และบอกว่าเจ็บคอมาก รวมทั้งนายสนิท โทวรรณา ผู้เป็นพ่อของครูอิ๋วเอง ก็เชื่อว่า วิญญาณของลูกสาวยังคงอยู่ที่เดิม เนื่องจากการทำพิธีในครั้งแรกนั้น ทางตำรวจไม่ยอมให้เปิดห้องเกิดเหตุ เพราะกลัวว่าจะไปทำลายร่องรอยหลักฐานต่างๆ

 สำหรับครอบครัวมาที่ประกอบด้วยนายสนิท โทวรรณา อายุ 59 ปี พ่อ นางจันทร์ศรี โทวรรณา อายุ 59 ปี แม่ น.ส. ศริญญา โควรรณา อายุ 33 ปี พี่สาว ร.ต.ต.ธเนตร แก้วหาญ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส แฟนหนุ่ม และพระอธิการบัวกัน จันทะสะดร เจ้าอาวาสวัดบ้านบุ่งค้า หมู่ 3 ต.พระธาตุ อ.เชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด วัดในหมู่บ้านที่ประกอบพิธีเผาศพ เดินทางโดยรถยนต์กระบะโตโยต้า สีขาว หมายเลขทะเบียน ผ 8374 ขอนแก่น มีร.ต.ต.ธเนตร เป็นคนขับ แจ้งกับคนดูแลสถานที่ ขอเปิดห้องพักเกิดเหตุ นำพานบายศรี และพานที่ทำคล้ายขันห้า เข้าไปทำพิธีอยู่ประมาณ 30 นาที ก่อนที่นางจันทร์ศรี ผู้เป็นแม่จะเดินถือรูปของลูกสาวออกมา มีพระอธิการบัวกันจูงสายสิญจน์เดินนำหน้า จากนั้นมีการถอยรถไปจอดหน้าห้อง ขนสิ่งของจำพวกโต๊ะ เก้าอี้ ของใช้ส่วนตัวของผู้ตายขึ้นรถ แล้วเดินทางกลับทันที






ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เดิมทีครอบครัวของครูอิ๋วแจ้งว่า ภายหลังเก็บเถ้าและกระดูกและทำพิธีลอยอังคารในวันที่ 9 ก.ค.แล้ว ทางครอบครัวจะเดินทางมาทำพิธีเชิญวิญญาณครูอิ๋ว กลับบ้านในใตอนเช้าวันอาทิตย์ที่ 10 ก.ค.นี้ โดยขอความเป็นส่วนตัว ไม่อยากถูกรบกวน แต่ปรากฏว่า พ่อ แม่ และแฟนหนุ่ม ได้เดินทางมาทำพิธีในช่วงเย็นวันศุกร์ คาดว่าคงไม่อยากให้ผู้สื่อข่าวรู้ และตามถ่ายรูปทำข่าวจนเป็นการรบกวนการทำพิธี.
cr:http://www.siamupdate.com/news-183649